มะขาม
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามากไม่มีหนาม
เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้ำตาลอ่อน ใบเป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่
ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ด้วยใบย่อย 10–15
คู่แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2
ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายกิ่ง
ดอกมีขนาดเล็กกลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก ผล เป็นฝักยาว
รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา
สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย
สีน้ำตาลเนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน
ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด
เมล็ดแก่จะแบนเป็นมันและมีสีน้ำตาล
ชื่อสามัญ : Tamarind
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tamarindus indica Linn.
วงศ์ : CAESALPINIACEAE
ชื่ออื่น ๆ : ส่ามอเกล (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน),
หมากแกง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน), มะขาม, มะขามไทย
(ภาคกลาง), ตะลูบ(นครศรีธรรมราช), อำเปียล
(สุรินทร์), มะขามกะดาน, มะขามขี้แมว
ลักษณะทั่วไป :
ต้น :
เป็นพรรณไม้ยืนต้น ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขาตรงส่วนยอดของต้น
และแข็งแรงมาก ลำต้นมีความสูงประมาณ 60 ฟุต เปลือกมีสีน้ำตาลอ่อน
และแตกสะเก็ดเป็นร่องเล็ก ๆ
ใบ :
เป็นไม้ใบรวม จะออกใบเป็นคู่ ๆ เรียงกันตามก้านใบ ก้านหนึ่งมีใบอยู่ประมาณ 10-18
คู่ ลักษณะของใบย่อย เป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน มีสีเขียวแก่
ดอก :
ดอกออกเป็นช่อเล็ก ๆ อยู่ตามบริเวณปลายกิ่ง ช่อหนึ่งจะมีดอกประมาณ 10-15
ดอก ดอกจะเล็กมีกลีบเป็นสีเหลือง และมีจุดประสีแดงอยู่ตรงกลางดอก
ดอกจะออกในช่วงฤดูฝน ดอกมีรสเปรี้ยว
ผล :
เมื่อดอกร่วงแล้วก็จะติดผล ซึ่งผลนี้จะมีอยู่ 2
ชนิดคือชนิดฝักกลมเล็กยาว ซึ่งเรียกว่ามะขามขี้แมวและอีกชนิดหนึ่งฝักใหญ่แบน
และโค้ง มีรสเปรี้ยว เรียกว่ามะขามกะดานเปลือกนอกเปราะเป็นสีเทาอมน้ำตาล
ข้างในผลมีเนื้อเยื่อแรก ๆ เป็นสีเหลืองอ่อน และจะค่อย ๆ
เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อแก่จัด ซึ่งจะหุ้มเมล็ดอยู่ ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปค่อนข้างกลม
ผิวเปลือกเกลี้ยง เป็นสีดำ หรือสีน้ำตาลเข้ม
การขยายพันธุ์ :
เป็นพรรณไม้กลางแจ้งที่ชอบแสงแดด
เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพ มีการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือการตอนกิ่ง
ส่วนที่ใช้ :
เนื้อไม้ ใบแก่ ใบอ่อนและดอก เนื้อในผล
เมล็ดแก่
สรรพคุณ :
เนื้อไม้ ใช้ทำเป็นเขียง ที่มีคุณภาพดีมาก
เพราะเป็นไม้ทีเหนียวทนใบแก่ มีรสเปรี้ยวฝาด ใช้นำมาปรุงเป็นยาแก้ไอ
แก้โรคบิดขับเสมหะในลำไส้ หรือนำมาต้มผสมกับหัวหอมโกรกศีรษะเด็กในเวลาเช้ามืด
แก้หวัดจมูกได้ หรือใช้น้ำที่ต้มให้สตรีหลังคลอดอาบและใช้อบไอน้ำได้เป็นต้น ใบอ่อนและดอก
ใช้รับประทานเป็นอาหารได้ เนื้อในผล (มะขามเปียก) ใช้ผลแก่ประมาณ 10-20
ฝักนำมาจิ้มเกลือกิน แล้วดื่มน้ำตามลงไป หรืออาจใช้ทำเป็นน้ำมะขามคั้นเอาน้ำกิน
เป็นยาแก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย แก้ไอขับเสมหะ ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย
ลดการกระหายน้ำ หรือใช้เนื้อมะขามผสมกับข่า
และเกลือพอประมาณรับประทานเป็นยาขับเลือดขับลม แก้สันนิบาตหน้าเพลิง
หรืออาจใช้ผสมกับปูนแดง แล้วนำมาพอกหรือทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนหรือฝี เมล็ดแก่
นำมาคั่วให้เกรียมแล้วกระเทาะเปลือกออกใช้ประมาณ 20-30
เม็ด นำมาแช่น้ำเกลือจนอ่อนใช้กินเป็นยาถ่ายพยาธิิไส้เดือนในท้องเด็กได้
หรือใช้เปลือกนอกที่กระเทาะออก ซึ่งจะมีรสฝาดใช้กินเป็นยาแก้ท้องร่วง
และแก้อาเจียนได้ดี
อื่น ๆ :
เมล็ดมะขาม
ใช้เพาะอย่างถั่วงอกใช้นำมาทำเป็นแกงส้มกิน
เป็นอาหารได้และในประเทศอินเดียนิยมใช้เมล็ดในนำมาป่นให้ละเอียดแล้วต้มกับผ้าเพื่อให้ผ้าแข็ง
เหมือนกับลงแป้ง
คุณค่าทางโภชนาการ :
ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามิน เอ มาก
มะขามเปียกรสเปรี้ยว ทำให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี
เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัดเรียกว่า "มะขามเปียก"
ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์ริค กรดซิตริค เป็นต้น ทำให้ออกฤทธิ์ระบายและลดความร้อนของร่างกายลงได้
แพทย์ไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้ละลายได้ด้วย
ส่วนที่นำมาใช้
- ฝักอ่อน ฝักแก่ ดอก
- เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก)
- เปลือก (สด - แห้ง)
- ใบอ่อน - แก่
สารทีมีคุณประโยชน์
- ยอดอ่อนของมะขาม มีวิตามินเอและวิตามินซีสูง
และยังมี …
- โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันกากใบ
- แคลเซียม และฟอสฟอรัส
- มะขามเปียกมีสารกรดอินทรีย์ เช่น กรดซกรด
กรดทาทาริค กรดมาลิค
- มีสารพวกกัม (gum) และเพคติน
(pectin)
วิธีทำยานวดผม
๑. นำมะขามเปียกมาจำนวนหนึ่ง
(มากน้อยตามความต้องการ)
๒. ผสมกับน้ำสะอาด หรือจะเป็นน้ำอุ่นก็ได้ ้
๓.
ใช้มือคั้นเนื้อมะขามเพื่อให้ละลายออกผสมกับน้ำ
๔. น้ำที่ได้จะออกลักษณะเป็นเมือก
(อย่าให้เหลวมาก)
๕. นำน้ำยานั้นมานวดให้ทั่วศีรษะ
(นวดหลังจากสระผมแล้ว)
๖. ใช้ผ้าโพกหรือถุงพลาสติกคลุม ทิ้งไว้ ๑๕ -
๓๐ นาที
ผลที่ได้รับคือ…
- ช่วยฆ่าเหา ฆ่าเชื้อรา รักษารากผม
- ที่สำคัญในบางท่าน
ที่ต้องการจะเปลี่ยนสีผมให้เป็นไปตามธรรมชาติ คุณจะได้สีผมที่ออกไปเป็นสีเม็ดมะขาม
และสีโค้ก
วิธีทำน้ำยาอาบน้ำ
๑. นำใบมะขามมาจำนวนหนึ่ง (ยอด -
อ่อนหรือแก่ก็ได้ แล้วแต่จะต้องการ)
๒. นำน้ำสะอาดใส่ในภาชนะ ปี๊บ หม้อ ฯลฯ
๓. นำขึ้นตั้งไฟ
๔. พอน้ำเริ่มเดือด
ให้ใส่ใบมะขามที่เตรียมไว้ลงไป แล้วปิดฝา
๕. เคี่ยวอยู่ประมาณ ๓๐ นาที
จากที่เดือดอยู่แล้ว
๖. จากนั้นลงจากเตา ปล่อยไว้ให้เย็น
หรือจะใช้ผสมกับน้ำเย็น
๗. อาบน้ำยาดังกล่าว
๘. อาบอยู่ ๒ - ๓ ครั้งก็จะเห็นผล
ผลที่ได้รับคือ…
- ช่วยให้ผดผื่นคันที่เป็นตามร่างกายหายไป
- ช่วยให้ผิวพรรณดี
- รักษาเชื้อราบนผิวหนังได้ ้
(ภาคอีสานมักจะใช้อาบให้กับแม่ลูกอ่อน
หรือคนที่เป็นตุ่มคัน และเป็นกลากเกลื้อน)
สรรพคุณทางยา
- เป็นยาระบายอ่อน ๆ
- แก้ท้องผูก แก้ท้องเดิน
- ถ่ายพยาธิลำไส้ (ใช้เนื้อในจากเมล็ด)
- แก้ไอขับเสมหะ
- น้ำมะขามลดอุณหภูมิในร่างกายและแก้ไข้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น